site loader
site loader
15/06/2021 ไร้เงา ‘ไฮโซแชมป์’ ไกล่เกลี่ยคดี ทำร้าย ‘รัศมีแข’ ศาลสั่งบังคับฟ้องคดี

ไร้เงา ‘ไฮโซแชมป์’ ไกล่เกลี่ยคดี ทำร้าย ‘รัศมีแข’ ศาลสั่งบังคับฟ้องคดี

ไร้เงา ‘ไฮโซแชมป์’ ไกล่เกลี่ยคดี ทำร้าย ‘รัศมีแข’ ศาลสั่งบังคับฟ้องคดี

วันที่ 14 มิ.ย.64 รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น หรือชื่อจริง นายเจมส์ ฟอเกอร์ลุนด์ฟ นักแสดงชื่อดัง พร้อม นายไพศิษฐ์ ชาครานนท์ ทนายความ เดินทางมาที่ ศาลแขวงพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อไต่สวนมูลฟ้องในคดีถูก ไฮโซแชมป์- จิรัฏฐ์ เพชรนันทวงศ์ ทำร้ายร่างกาย ในสถานบันเทิง เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.63 ที่ผ่านมา หลังเข้าพบศาลเป็นเวลาหลายชั่วโมง ในช่วงบ่าย รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น พร้อมทนายเดินทางกลับออกมา โดย นายไพศิษฐ์ ชาครานนท์ ทนายความ เปิดเผยว่า ในวันนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง และไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งเป็นการฟ้องแยก จากสำนวนของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา แต่จำเลย (คู่กรณี) ไม่ได้เดินทางมาพบศาลแต่อย่างใด ซึ่งก็เป็นสิทธิของจำเลย ตนจึงไต่สวนและเบิกความเรียบร้อย โดยศาลท่านมีคำสั่งบังคับฟ้อง และนัดครั้งต่อไปในวันที่ 23 ส.ค.64 เป็นการนัดสอบคำให้การและตรวจพยาน

ส่วนกรณีที่ทางจำเลย ไฮโซแชมป์- จิรัฏฐ์ ได้ฟ้องหมิ่นประมาท ที่ศาลอาญารัชดา กับ รัศมีแข และมดดำ คชาภา ตันเจริญ ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายโดยหลังเกิดเหตุที่ผ่านมา ยังไม่เคยพูดคุย หรือได้รับการติดต่อกับฝั่งคู่กรณีแต่อย่างใด

ด้าน รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น กล่าวว่า ไม่ขอเปิดเผยอะไรมาก เนื่องด้วยการสื่อสารและภาษา หากพูดออกไปอาจจะเกี่ยวข้องและกระทบไปถึงคดีได้ อย่างไรก็ตาม รายละเอียดส่วนของคดีทั้งหมดนั้น ขอให้ทนายความเป็นผู้ชี้แจงต่อไป

Related Post
เติ้ล ตะวัน

เติ้ล ตะวัน จารุจินดา ผู้จัดฯ และเจ้าของค่ายมงคลการละคร ได้ขนทีมงานกองละครและพนักงานของบริษัท เข้ารับวัคซีนทางเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“JUNNIVERSE” ชาวไทยเตรียมหูเคลือบทองกันได้เลย! เพราะ “JUNNY” ศิลปินและโปรดิวเซอร์มากความสามารถเตรียมบินลัดฟ้ามาจัดคอนเสิร์ต “2024 JUNNY TOUR : Dopamine Read more

สวย เก่ง และ เคมีเข้าหันซะเหลือเกิน “คามิล วาสเกวซ” ทนาย “จอห์นนี เดปป์” กลายเป็นคู่จิ้นดาวดังในโลกโซเชียล

15/06/2021 นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha” ระบุว่า “วันนี้ผมได้ประชุมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านสุพัฒนพงศ์ฯ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องท่านอื่นๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แก่ หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 6.5 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี

ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม และการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน

มาตรการที่นำมาคุยกันในวันนี้ มีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว

มาตรการระยะสั้น เช่น ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ ลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ รวมถึงปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่จำเป็นยกระดับการกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ธปท. ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน กำกับดูแลไม่ให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงิน/สหกรณ์สร้างภาระแก่ผู้กู้จนเกินสมควร เพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs เช่น จัดให้มี softloan สำหรับ SME ที่เป็น NPLs เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและโรงรับจำนอง

สำหรับมาตรการระยะยาว ได้มีการพูดถึงหลักการสำคัญ คือต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และมีการคุมยอดวงเงินกู้ที่เหมาะสม เช่น รัฐต้องเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง เพิ่มระบบให้ผู้ฝากเงินมาเป็นผู้ให้สินเชื่อโดยรับความเสี่ยงมากขึ้นผ่านระบบดิจิทัล การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่/คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เรื่องที่อยู่อาศัย และค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก

สิ่งที่คนไทยจะได้รับจากมาตรการดังกล่าว

1.มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นจากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลงได้ 2-3% ต่อปี

2.ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัวลงได้ทันที

3.เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

4.ใช้การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหารากแก้วโดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาหามาตรการเพื่อดำเนินการ เพื่อให้เกิดกระบวนการดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น ผมได้มอบให้มีคณะทำงานในเรื่องดังกล่าว ภายใต้ ศบศ. โดยให้รองนายกรัฐมนตรี สุพัฒนพงศ์ฯ รับผิดชอบต่อไปครับ”

Related Post
เกาหลี

เร็ว ๆ นี้ ชาวเกาหลีใต้จะได้รับสิทธิ์ “เด็กลง 1 ปี” เป็นอย่างน้อย หากว่าที่ผู้นำคนใหม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่า จะใช้วิธีนับอายุแบบสากล

ถ้าจู่ๆ ค่าน้ำที่บ้านมา 8,000 บาท เป็นคุณจะทำยังไง?  แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นเรื่อง ชวนมึนตึ๊บของหนุ่มกบินทร์บุรี นามว่า นายสุริยา Read more

 นายกรัฐมนตรี กำชับให้กระจายวัคซีนไฟเซอร์ ที่ได้รับจากสหรัฐ 1.54 ล้านโดส ตามแผนที่กำหนด ที่เน้นฉีดแก่บุคลากรแพทย์ด่านหน้า

15/06/2021 จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ทางสมาคมฯจะเสนอให้ ศบค.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเป็นการเฉพาะที่ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารเพื่อหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และที่ผ่านมาไม่มีปากเสียงต่อการเข้าร้องเรียนโดยตรงกับภาครัฐ แนวคิดตั้งคณะกรรมการดูแลโดยตรง เพราะร้านอาหารถือเป็น1 ในภาคบริการ มีเครือข่ายห่วงโซ่เกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจและจำนวนคนเป็นล้านๆคน และยังเป็นการรองรับแรงงานที่ตกงานจากหลากหลายอาชีพ ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารประสบปัญหา ก็จะกระทบเป็นวงกว้าง

อีกเรื่องที่อยากให้ ศบค.พิจารณาคือ ควรใช้การสั่งปิดร้านอาหารเฉพาะร้านที่เจอโควิด และ ไม่ปฎิบัติตามมาตรการที่เข้มงวด เพราะยังเห็นบางร้านค้าไม่จำกัดจำนวนคนนั่งหรือเปิดค้าแบบไม่มีมาตรการป้องกัน ดีกว่าจะเหมาใช้มาตรการเดียวในพื้นที่หรือทั้งจังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฎิบัติได้ตามมาตรการไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

 

ที่มา : เพจ FM101 News & Talk

Related Post

นับถอยหลังอีกไม่กี่วันก็จะได้ไปสนุกสุดมันส์กันที่งาน LEO Presents Flex Aqua Fest 2023 กันแล้ว ใครมีสิทธิ์เข้างานอยู่ในมือ เก็บสิทธิ์ไว้ให้ดี Read more

‘จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์’ ได้เข้าถือครองธุรกิจค่ายเพลงในชื่อ LOVEiS ENTERTAINMENT 100% ตั้งแต่ปี 2019 ในฐานะ Read more

คนบ้านใกล้ ยังไงก็ต้องช่วยกัน หนุ่มไรเดอร์คืนเงินค่าอาหารให้ลูกค้าที่ป่วยโควิด พร้อมฝากข้อความชวนยิ้ม

15/06/2021 อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มทำการทดสอบวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทย ChulaCov19” (จุ-ฬา-คอฟ-ไนน์-ทีน)​ เฟสแรกในมนุษย์ โดยทดลองฉีดให้อาสาสมัครจำนวน 4 ราย เบื้องต้นทั้งหมดไม่พบผลข้างเคียง วัคซีน ChulaCov19” ถูกคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทย ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนจาก นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกผู้บุกเบิกเทคโนโลยีนี้คือ Professor Drew Weissman, มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเทคโนโลยี mRNA เช่นเดียวกับวัคซีน Pfizer และ Moderna ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทั่วโลกที่มีการรับรองในการฉีดกว่า 600 ล้านโดส ทั่วโลก

mRNAจะสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด เมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนดังกล่าว จะทำการสร้างโปรตีนและกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อ โควิด-19 เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือเกิดอาการหรือเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้

การพัฒนาวัคซีน “ChulaCov19” ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน สำคัญผลการทดลองในหนูทดลอง พบว่าการฉีดแม้เป็นเพียงโดสต่ำๆ แต่สร้างภูมิคุ้มกันได้ “สูงมากจนน่าตื่นเต้น” และเมื่อนำไปทดสอบในลิงก็พบว่าสามารถสร้างภูมิได้สูงมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังได้ทำการทดลองในหนูพันธุ์พิเศษ โดยใส่เชื้อเข้าไปในระบบทางเดินหายใจของหนูที่ได้รับการฉีดวัคซีน พบว่าสามารถป้องกันไม่ให้หนูป่วยและเชื้อเข้ากระแสเลือดได้ 100% นอกจากนั้นยังพบว่าเชื้อที่ใส่เข้าไปในจมูกและปอดลดลงกว่า 10 ล้านเท่า

สำหรับการเก็บรักษาพบว่าวัคซีน “ChulaCov19” สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) นานถึง 3 เดือน และเก็บในอุณภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) นาน 2 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าจัดเก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้ออื่น

หลังการประกาศขอสมัครอาสามัครทดลองวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับใบสมัครจากคนไทยกว่า 10,000 ราย

ศ.นพ.เกียรติ อธิบายกระบวนการทดสอบวัคซีนเพิ่มเติมว่า หากผ่านการทดสอบระยะแรกปลายเดือน ก.ค. ระยะที่ 2 จะเริ่มดำเนินการทดสอบในอาสาสมัครอีก 150 คนได้ในช่วงเดือน ส.ค.  พร้อมทั้งเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ วัคซ๊นในกระบวนการใกล้เคียงกันจากผลเลือดของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไดรับวัคซีนจากเทคโนโลยี mRNA อย่าง ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา

ส่วนการทดสอบในระยะที่ 3 นั้น อาจไม่จำเป็นต้องทดสอบในอาสาสมัคร 20,000 รายในประเทศที่กำลังเกิดการระบาด ตามเกณฑ์ของการทดลองวัคซีนชนิดใหม่ เนื่องจากเมื่อมีวัคซีนอื่นที่ผลิตชนิดเดียวกันแล้ว มีแนวโน้มว่าภายในสิ้นปีนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) จะกำหนดหลักเกณฑ์ได้ว่า “วัคซีนที่มีประสิทธิภาพต้องกระตุ้นภูมิเท่าไหร่” ก็จะช่วยลดขั้นตอนการทดสอบทางคลินิกในระยะที่ 3 ได้

หากได้รับการยกเว้นการทดสอบระยะที่ 3 และผ่านเกณฑ์ที่กำหนด วัคซีน “ChulaCov19” อาจได้รับอนุมัติให้ผลิตเพื่อให้ในคนจำนวนมากได้ประมาณเดือน มี.ค. หรือ เม.ย. 2565

ในล็อตแรกที่ทำการทดสอบนี้ผลิตจากบริษัทในสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากนี้จะผลิตในประเทศไทยโดยบริษัท BioNet-Asia ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแล้ว ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตให้ได้อย่างน้อย 50 ล้านโดสต่อปีหลังผ่านการทดลองและได้รับการอนุมัติ

ท่ามกลางความกังวลเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนที่มีในประเทศไทย และทิศทางเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในอนาคต

ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เตรียมความพร้อมพัฒนาทดลองวัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อรองรับเชื้อดื้อยาหรือเชื้อกลายพันธุ์ และจะเร่งทดลองกับสัตว์ควบคู่กันไป และคาดว่าจะทดสอบในอาสาสมัครภายในไตรมาสสี่ของปีนี้

“ความคาดหวังแน่นอนเราก็อยากเห็นว่าถ้าประสบความสำเร็จ คือรู้ขนาดที่เหมาะสม โรงงานไทยผลิตได้จริง ฝีมือดีเท่ากับที่เรานำเข้า ประสิทธิผลประสิทธิภาพได้ เราก็อยากให้วัคซีนนี้สามารถที่จะเป็นที่พึ่งของคนไทยได้ในปีหน้า” ศ.นพ.เกียรติ  กล่าวทิ้งท้าย

 

ที่มา : ข้อมูลโดย: พริสม์ จิตเป็นธม workpointTODAY และ ทีมประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

Related Post
แอสตร้าเซนิก้า

อังกฤษประกาศบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 415,000 โดส ให้แก่ประเทศไทย พร้อมนำส่งถึงไทยในเดือนหน้า

ช่วงนี้ ดูเหมือนการเตรียมตัวเปิดประเทศกำลังเดินหน้าไปเรื่อยๆ ยอดโควิดก็ค่อยๆ ขยับลงเรื่อยๆ แต่ที่น่าห่วงกว่านั้นคือ ค่าฝุ่น PM2.5

องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 คุณภาพ ภายใต้โครงการ “ATK คุณภาพเพื่อสังคมไทย” ในราคาชุดละ 40 บาท