site loader
site loader
15/07/2021 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพาดหัวคำเตือนจาก WHO พบบิดเบือนจากความหมาย!!!

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพาดหัวคำเตือนจาก WHO พบบิดเบือนจากความหมาย!!!

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพาดหัวคำเตือนจาก WHO พบบิดเบือนจากความหมาย!!!

จากกระแสฮือฮาเรื่อง WHO ออกเตือน ว่าฉีดวัคซีน 2 ยี่ห้อไม่ปลอดภัย ทางนักวิชาการ WHO แจ้งตรวจสอบพบพาดหัว-ตัดต่อเนื้อหาทำเข้าใจผิดตามที่มีการแชร์ข่าวและข้อมูลว่า “WHO เตือนเลี่ยงฉีดวัคซีนผสมสูตร โดยระบุว่าเป็นอันตราย หรือ “dangerous trend” นั้น

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า ข้อความที่รายงานข่าวในประเทศไทยนั้น แปลมาจากข่าวที่รายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งพาดหัวว่า “WHO warns against mixing and matching COVID vaccines” ซึ่งเผยแพร่เมื่อ 00.40 น. 13 ก.ค. 64 ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีข้อความบางส่วนจากคำพูดของ Dr.Soumya Swaminathan หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ องค์การอนามัยโลกท่านดังกล่าว ได้แก่ “It’s a little bit of a dangerous trend here. We are in a data-free, evidence-free zone as far as mix and match,”และ”It will be a chaotic situation in countries if citizens start deciding when and who will be taking a second, a third and a fourth dose.”

(ข่าวต้นฉบับ] https://www.reuters.com/…/status/1414640744762073089)

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป เมื่อเวลา 01.44 น. 13 ก.ค. 64 หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ องค์การอนามัยโลกท่านนั้น ได้เขียนข้อความบนบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว โดยอ้างอิงข่าวดังกล่าว โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า “บุคคลทั่วไป ไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ควรเป็นหน่วยงานสาธารณสุขตัดสินใจบนฐานของข้อมูลที่มี…”

(ข่าวต้นฉบับ) “Individuals should not decide for themselves, public health agencies can, based on available data. Data from mix and match studies of different vaccines are awaited – immunogenicity and safety both need to be evaluated” https://twitter.com/doctors…/status/1414657053180809224…

นอกจากนั้น Dr.Soumya ยังรีทวิตและแสดงความขอบคุณ Menaka Pai แพทย์นักวิชาการอีกท่านหนึ่ง ที่เขียนทวีตว่า พาดหัวข่าวเรื่องที่ออกมาเตือนการผสมวัคซีนนั้น เป็นการพาดหัวที่ทำให้เข้าใจผิด เช่นข้อความที่แปลได้ว่า

“Dr.Soumya ต้องการเตือนไม่ให้บุคคลทั่วไป ‘ช็อปปิ้งวัคซีน’ ด้วยตัวเอง โดยไม่อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานสาธารณสุข (รวมทั้งการตัดสินใจฉีดโดส 3 หรือ 4 เอง)” “เธอไม่ได้บอกว่า นโยบายวัคซีนของแต่ละประเทศเป็นอันตราย”

(https://twitter.com/mpaimd/status/1414670469312172033…)

ดังนั้น ข้อความที่อยู่บนพาดหัวข่าว และมีการนำมารายงานต่อกันนั้น จึงไม่สอดคล้องตรงกับบริบทและจุดมุ่งหมายของผู้ที่กล่าวข้อความแต่อย่างใด

ส่วนแนวทางการ Mix & Match สลับวัคซีนนั้น มีข้อมูลการดำเนินการศึกษาและส่งเสริมในบางประเทศ เช่น แคนาดา https://www.cp24.com/…/canadian-health-officials-defend… รวมทั้งล่าสุดในประเทศไทย

Related Post
สิงคโปร

วันนี้ ชาวสิงคโปร์เริ่ม ‘เหน็ดเหนื่อย’ มากขึ้นกับการต่อสู้ จนต้องหาทางอยู่ร่วมกับไวรัสชนิดนี้ให้ได้ โดยกำลังวาดโครงการใหม่สำหรับโควิด-19

สุนิสา ลี

สุนิสา ลี ก็ร่วมทีมชาติสหรัฐฯ คว้าเหรียญเงินกลับไปกอดได้สำเร็จ โดยทีมชาติสหรัฐแชมป์เก่า 2 สมัยซ้อนที่ ลี ร่วมทีม ทำคะแนนรวม Read more

อย่าหาทำ! นักท่องเที่ยวส่งดินคืนปราสาทพนมรุ้งทางไปรษณีย์ คาดเจออาถรรพ์ เจ้าหน้าที่เผยไม่ใช่รายแรกที่โดน

15/07/2021 ข่าวดี! ไทยวิจัย “ยาฟาวิพิราเวียร์” ได้สำเร็จ ลดการนำเข้า รักษาผู้ป่วยได้เพียงพอ

ข่าวดี! ไทยวิจัย “ยาฟาวิพิราเวียร์” ได้สำเร็จ ลดการนำเข้า รักษาผู้ป่วยได้เพียงพอ

ข่าวดี! ไทยวิจัย “ยาฟาวิพิราเวียร์” ได้สำเร็จ ลดการนำเข้า รักษาผู้ป่วยได้เพียงพอ

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตาม ความคืบหน้าการวิจัยและพัฒนาการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในประเทศ สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG (Bio-Circula-Green Economy) ของรัฐบาล โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รายงานว่า ได้มีการลงนามความร่วมมือระหว่าง สวทช. องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ บริษัท ปตท.

เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์สารตั้งต้น (Active Pharmaceutical Ingredients : API) ของการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ความเป็นไปได้ในการผลิตเชิงพาณิชย์ เพี่อสร้างความมั่นคงทางยาให้แก่ประเทศไทย โดยความร่วมมือดังกล่าว มีความคืบหน้าอย่างมาก สามารถสังเคราะห์สารตั้งต้นที่มีความบริสุทธิผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และยังเป็นการสังเคราะห์จากสารตั้งต้นที่มีราคาถูกโดยไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันต้องมีการนำเข้ามากถึงร้อยละ 95

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางองค์การเภสัชกรรมคาดว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ได้วิจัยและพัฒนาขึ้นนั้น จะได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และจากนั้นจะเป็นการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้ผู้ป่วย โควิด-19 เข้าถึงยาอย่างเพียงพอ เมื่อทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ประเทศไทยจะสามารถผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ในราคาที่ถูกกว่านำเข้าอย่างมาก

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง สวทช. อภ. และ บริษัท ปตท. ด้วยว่า ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ (Laboratory scale) การถ่ายทอดเทคโนโลยีจนถึงระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ตลอดจนการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Feasibility Study) ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์

ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลความร่วมมือ รัฐ-เอกชน ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยา ขณะเดียวกันการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยนักวิจัยไทยก็มีความก้าวหน้าไปมากเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ระยะยาวนำไปสู่การลดการนำเข้า และยังเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งบุคคลากรมีทั้งความรู้และนำไปต่อยอดเพื่อการผลิตขายต่อไปด้วย

Related Post

"จุตินันท์"  เชื่อพาราลิมปิกเกมส์ครั้ง 16 ขุนศึกนักกีฬาไทย จะสร้างความภูมิใจได้แน่นอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 พร้อมเปิดให้ประชาชนจองโรงแรม-ที่พักแล้ว

วัคซีนไฟเซอร์

แฟนเพจอย่างเป็นทางการของสถานทูตสหรัฐ ประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ชุดรูปภาพ ชี้แจงการคำนวณวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 1,503,450 โดส

15/07/2021 “จี๊บ เทพอาจ” มอบกำลังใจสู่ครอบครัว วีรบุรุษ นักดับเพลิง “น้องพอส”

“จี๊บ เทพอาจ” มอบกำลังใจสู่ครอบครัว วีรบุรุษ นักดับเพลิง “น้องพอส”

“จี๊บ เทพอาจ” มอบกำลังใจสู่ครอบครัว วีรบุรุษ นักดับเพลิง “น้องพอส”

จี๊บ เทพอาจ

นับว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงสร้างความเสียหาย และเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนในวงกว้าง กับเหตุการณ์ระเบิด ไฟไหม้โรงงานกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านระแวงนั้นได้รับบาดเจ็บ และมีเจ้าหน้าที่วีรบุรุษนักดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย ระหว่างควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ที่โรงงานผลิตโฟม คือ น้องพอส นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ อายุเพียง 18 ปี ที่เป็นทั้งความหวัง และความฝันของครอบครัว รวมทั้งรุ่นน้อง และเพื่อนที่แสนดีของใครหลายๆ คน

ล่าสุด “คุณ จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ได้เห็นตระหนักเห็นถึงความเสียสละของ น้องพอส วีรบุรุษนักดับเพลิง ทางคุณจี๊บ เทพอาจ จึงได้เดินทางไปมอบเงินช่วยเหลือครอบครัววีรบุรุษนักดับเพลิง อย่างน้องพอส เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติงาน และเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคมตลอดไป นอกจากนี้ยังได้จัดสรร น้ำดื่มตรา Thai Spirit Industry จำนวน 100 แพ็ก มอบให้อีกด้วย

นอกจากนี้ ในสถานการณ์ โควิด-19 ที่กำลังเล่นงานประเทศไทย อย่างหนักในทุกภาคส่วน บริษัท ไทย สพิริท อินดัสทรี จำกัด ส่งความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง โดยมอบเครื่องพ่นน้ำพร้อมยาฆ่าเชื้อ เจลแอลกอฮอล์ น้ำดื่มตรา Thai Spirit ให้กับตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 บ้านบางไทร อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งในชุมชนดังกล่าวนั้นมีทั้งประชาชนทั่วไปในพื้นที่ พนักงานของบริษัทฯ และมีครอบครัวที่มีเด็กเล็กจำนวนมากในชุมชน ให้กับประชาชนและชาวบ้านผู้พักอาศัย ให้เราผ่านวิกฤตนี้อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน

Related Post

ผู้ว่าฯ ปู บอกไม่ท้อกับงานที่สมุทรสาคร วอนประชาชนร่วมกันทำงาน เรื่องลาออกแค่ "จิ๊บจ๊อย"

โมเดอร์นา

รอบนี้เป็นโมเดอร์นา! สหรัฐเผยวัคซีนบริจาคอีก 1 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว 22 พ.ย. เมื่อเวลา 15.48 น. Read more

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอบคุณ “แซก แอฟรอน” นักแสดงระดับโลกโพสต์ภาพทะเลภูเก็ตผ่าน Instagram ส่วนตัว

15/07/2021 “จี๊บ เทพอาจ” ผู้บริหารค่าย LOVEiS Entertainment เปิด Charity100 ร้านค้าฝ่าวิกฤตโควิด 19

“จี๊บ เทพอาจ” ผู้บริหารค่าย LOVEiS Entertainment เปิด Charity100 ร้านค้าฝ่าวิกฤตโควิด 19

“จี๊บ เทพอาจ” ผู้บริหารค่าย LOVEiS Entertainment เปิด Charity100 ร้านค้าฝ่าวิกฤตโควิด 19

ด้วยสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 คุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ในฐานะผู้บริหารค่ายเพลงชื่อดัง LOVEiS Entertainment เปิดโครงการ Charity100 ร้านค้าเพื่อให้ “ร้านค้ารายย่อย” ฝากร้านในพื้นที่ของอินสตาแกรมส่วนตัว Jeep_loveis พร้อมอุดหนุนร้านค้าละ 1,000 บาท ซึ่งได้เพิ่มเป้า 200 ร้านค้าในปัจจุบัน

ทั้งยังได้ส่งต่อส่งอาหาร เครื่องดื่มไปให้กับหน่วยรับบริจาคเพื่อบุคลากรทางการแพทย์ในโครงการข้าว 100,000 กล่อง” อีกด้วย

ช่วงเวลานี้ทัพหน้าหรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนทั่วประเทศไทยเป็นบุคคลสำคัญที่ “คุณจี๊ป” ไม่เคยทิ้ง ซึ่ง คุณจี๊ป ได้ส่งปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอนสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 และหน้ากากอนามัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวได้สวมใส่เพื่อความปลอดภัย ต่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี

พร้อมบริจาคเงินส่วนตัวกว่า 8,400,000 บาท ให้กับให้โรงพยาบาลราชวิถี โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. เครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจ (ECMO) จำนวน 1 เครื่อง
  2. เครื่องช่วยหายใจ Airvo2 จำนวน 5 เครื่อง
  3. เครื่อง Intra-Aortic balloon pump (เครื่องช่วยการทำงานของหัวใจชนิดใช้บอลลูนในหลอดเลือดแดงเอออตาร์) จำนวน 1 เครื่อง

จากความช่วยเหลือทั้งหมดนี้ภายใต้แนวคิด “คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน” และยังไม่หยุดนิ่งพร้อมให้ความช่วยเหลือกับหน่วยงานการแพทย์ และโรงพยาบาลที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องต่อไป

Related Post

ปังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ก็คงจะเป็น "รัดเกล้ายอด" เครื่องสวมศรีษะที่ทุกคนให้ความสนใจ หลังจากเพลง “LALISA” Solo เพลงแรกของ ลิซ่า แบล็คพิงก์

จากโปรเจกต์สุดพิเศษแห่งปี “ชวนน้องมาร้องเพลง” ที่ให้แฟนเพลงได้เดากันอย่างสนุกสนานไปแล้วนั้น เริ่มเปิดประเดิมศิลปินคนแรก มาร์ค ศิวัช

WHO

นักวิชาการ WHO แจ้งตรวจสอบพบพาดหัว-ตัดต่อเนื้อหาทำเข้าใจผิดตามที่มีการแชร์ข่าวและข้อมูลว่า “WHO เตือนเลี่ยงฉีดวัคซีนผสมสูตร"