site loader
site loader
18/06/2021 แอสตร้าเซนเนก้า ผลทดสอบยาต้านล้มเหลว! ได้ผลแค่ 33%

แอสตร้าเซนเนก้า ผลทดสอบยาต้านล้มเหลว! ได้ผลแค่ 33%

แอสตร้าเซนเนก้า ผลทดสอบยาต้านล้มเหลว! ได้ผลแค่ 33%

แอสตร้าเซนเนก้า

แอสตร้าเซนเนก้า พีแอลซี บริษัทยาจากสหราชอาณาจักร เผยการศึกษาคอกเทลแอนติบอดีสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ของบริษัทว่ามีประสิทธิภาพแค่ 33% ในการป้องกันอาการโรคโควิด-19 สำหรับคนที่เคยติดไวรัส ซึ่งทำการทดลองกับอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่ 1,121 คน ในสหราชอาณาจักรและสหรัฐ ที่เคยติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในสถานที่ต่างๆ

ผลที่ออกมากลับไม่เป็นเรื่องดีต่อแอสตร้าเซนเนก้านัก เพราะหวังให้ยานี้เพิ่มบทบาทของบริษัทในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในการพัฒนาวัคซีนร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด

ขณะเดียวกัน บริษัทยาอื่นๆ อาทิ แกล็กโซสมิทไคล์น พีแอลซี ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งในการรักษาที่คล้ายกันในการทดสอบทางคลินิก และได้รับอนุมัติให้ใช้กับกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่รับวัคซีนไม่ได้แล้ว

ถึงอย่างนั้น คอกเทลแอนติบอดีของแอสตร้าเซนเนก้านี้ได้รับความสนใจก่อนพิสูจน์ผลลัพธ์ที่ออกมาเสียด้วยซ้ำ โดยจะเห็นว่าสหรัฐสั่งยานี้ไปถึง 700,000 โดสให้ส่งมอบในปี 2564

อย่างไรก็ดีคงต้องติดตามผลประสิทธิภาพอย่างใกล้ชิดต่อไป และหวัง่วาจะมีข่าวดีเพื่อเป็นทางออกของประชากรโลกต่อไป จากสถานการณ์โควิด-19

ที่มา https://www.sanook.com/news/8397466/

Related Post

วงการไม้ด่างยังสะเทือนไม่หยุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการขายพรรณไม้ด่าง ทำราคาสูงลิ่วมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อย่างครั้งนี้เป็นกรณีของ "บอนหูช้างด่างขาว"

คนละครึ่ง

(สศช.) ระบุว่า กระทรวงการคลัง อาจจะเสนอให้เลื่อนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.2564 นี้ออกไปอย่างน้อย 1 Read more

เทรนด์เที่ยวกำลังเปลี่ยนไปนะรู้ยัง … ตอนนี้เทรนด์การท่องเที่ยวสีเขียวกำลังได้รับความสนใจในวงกว้างสำหรับนักเดินทางยุคใหม่

15/06/2021 นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

นายก เตรียมงานยาก “แก้หนี้ครัวเรือน” ให้มีเหลือใช้มากขึ้น!

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha” ระบุว่า “วันนี้ผมได้ประชุมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านสุพัฒนพงศ์ฯ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องท่านอื่นๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนรายย่อย ให้กับประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แก่ หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน ผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 6.5 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของประชาชน 51.2 ล้านบัญชี

ที่ประชุมเห็นว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนให้เบ็ดเสร็จต้องทำ 3 เรื่องควบคู่กัน คือ การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การกำกับดูแลเจ้าหนี้ให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม และการปรับโครงสร้างหนี้และการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน

มาตรการที่นำมาคุยกันในวันนี้ มีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว

มาตรการระยะสั้น เช่น ไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สินเพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ ลดภาระดอกเบี้ยของประชาชน ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครูและข้าราชการ รวมถึงสหกรณ์ ปรับรูปแบบการชำระหนี้ รวมถึงปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ไม่จำเป็นยกระดับการกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) คุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ธปท. ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อจำนำทะเบียน กำกับดูแลไม่ให้การบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อของสถาบันการเงิน/สหกรณ์สร้างภาระแก่ผู้กู้จนเกินสมควร เพิ่มการเข้าถึงแหล่งทุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ SMEs เช่น จัดให้มี softloan สำหรับ SME ที่เป็น NPLs เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ การเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำและโรงรับจำนอง

สำหรับมาตรการระยะยาว ได้มีการพูดถึงหลักการสำคัญ คือต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และมีการคุมยอดวงเงินกู้ที่เหมาะสม เช่น รัฐต้องเร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง เพิ่มระบบให้ผู้ฝากเงินมาเป็นผู้ให้สินเชื่อโดยรับความเสี่ยงมากขึ้นผ่านระบบดิจิทัล การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ การจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้อง อำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่/คนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เรื่องที่อยู่อาศัย และค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก

สิ่งที่คนไทยจะได้รับจากมาตรการดังกล่าว

1.มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นจากภาระหนี้ที่ดอกเบี้ยลดลงได้ 2-3% ต่อปี

2.ลดปัญหาการสร้างหนี้เกินตัวลงได้ทันที

3.เพิ่มโอกาสทางสังคมและลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

4.ใช้การจัดการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐมาแก้ไขปัญหารากแก้วโดยใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาหามาตรการเพื่อดำเนินการ เพื่อให้เกิดกระบวนการดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น ผมได้มอบให้มีคณะทำงานในเรื่องดังกล่าว ภายใต้ ศบศ. โดยให้รองนายกรัฐมนตรี สุพัฒนพงศ์ฯ รับผิดชอบต่อไปครับ”

Related Post
โมเดอร์นา

มีมติกำหนดราคากลางค่าบริการวัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” เรียบร้อยที่ ราคาเข็มละ 1,900 บาท หรือครบ 2 โดส จำนวน Read more

รัฐบาลเวียดนาม

รัฐบาลจะจัดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มแรกในช่วง 8-12 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้เวียดนามได้ฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 4 ล้านโดส

ชื่นชม เด็กหนุ่มวัย 17 ปี สอบติด 4 เหล่าทัพ ด้วยคะแนนที่ 1 เผยบ้านยากจนแต่มีมานะ

15/06/2021 จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

จ่อปิดนับแสน ร้านอาหารชงศบค.ช่วยด่วน!!!

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2564 นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ทางสมาคมฯจะเสนอให้ ศบค.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเป็นการเฉพาะที่ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารเพื่อหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการร้านอาหารเป็นกลุ่มเอสเอ็มอี และที่ผ่านมาไม่มีปากเสียงต่อการเข้าร้องเรียนโดยตรงกับภาครัฐ แนวคิดตั้งคณะกรรมการดูแลโดยตรง เพราะร้านอาหารถือเป็น1 ในภาคบริการ มีเครือข่ายห่วงโซ่เกี่ยวข้องกับหลายธุรกิจและจำนวนคนเป็นล้านๆคน และยังเป็นการรองรับแรงงานที่ตกงานจากหลากหลายอาชีพ ดังนั้นเมื่อผู้ประกอบการร้านอาหารประสบปัญหา ก็จะกระทบเป็นวงกว้าง

อีกเรื่องที่อยากให้ ศบค.พิจารณาคือ ควรใช้การสั่งปิดร้านอาหารเฉพาะร้านที่เจอโควิด และ ไม่ปฎิบัติตามมาตรการที่เข้มงวด เพราะยังเห็นบางร้านค้าไม่จำกัดจำนวนคนนั่งหรือเปิดค้าแบบไม่มีมาตรการป้องกัน ดีกว่าจะเหมาใช้มาตรการเดียวในพื้นที่หรือทั้งจังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการปฎิบัติได้ตามมาตรการไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย

 

ที่มา : เพจ FM101 News & Talk

Related Post

ใกล้เข้ามาแล้วกับคอนเสิร์ตแห่งปีที่ทุกคนรอคอย กับ คอนเสิร์ต Flex 104.5 x DV8 TGIF "THANKS GOD Read more

พิมฐา ฐานิดา

คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อของเชียงใหม่ ได้ประชุมกันแล้วว่า.. พิมฐา มาจาก กทม. แต่ไม่ได้มีการกักตัวแต่ ตะลอนเที่ยว ถือว่ามีความผิดชัดเจน  

นักวิจัยจุฬาฯ พัฒนาเครื่องตรวจเชื้อโควิด-19 จากกลิ่นเหงื่อ ต่อยอดจากสุนัขดมโควิด

15/06/2021 อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

อีกความหวังของคนไทย “ChulaCov19” วัคซีนสายพันธุ์ไทย โดยแพทย์จุฬาฯ เริ่มการทดลองแล้ว

คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เริ่มทำการทดสอบวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทย ChulaCov19” (จุ-ฬา-คอฟ-ไนน์-ทีน)​ เฟสแรกในมนุษย์ โดยทดลองฉีดให้อาสาสมัครจำนวน 4 ราย เบื้องต้นทั้งหมดไม่พบผลข้างเคียง วัคซีน ChulaCov19” ถูกคิดค้นออกแบบและพัฒนาโดยคนไทย ด้วยความร่วมมือและสนับสนุนจาก นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกผู้บุกเบิกเทคโนโลยีนี้คือ Professor Drew Weissman, มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเทคโนโลยี mRNA เช่นเดียวกับวัคซีน Pfizer และ Moderna ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ทั่วโลกที่มีการรับรองในการฉีดกว่า 600 ล้านโดส ทั่วโลก

mRNAจะสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยไม่มีการใช้ตัวเชื้อแต่อย่างใด เมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนดังกล่าว จะทำการสร้างโปรตีนและกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน เพื่อให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อ โควิด-19 เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือเกิดอาการหรือเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้

การพัฒนาวัคซีน “ChulaCov19” ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน สำคัญผลการทดลองในหนูทดลอง พบว่าการฉีดแม้เป็นเพียงโดสต่ำๆ แต่สร้างภูมิคุ้มกันได้ “สูงมากจนน่าตื่นเต้น” และเมื่อนำไปทดสอบในลิงก็พบว่าสามารถสร้างภูมิได้สูงมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังได้ทำการทดลองในหนูพันธุ์พิเศษ โดยใส่เชื้อเข้าไปในระบบทางเดินหายใจของหนูที่ได้รับการฉีดวัคซีน พบว่าสามารถป้องกันไม่ให้หนูป่วยและเชื้อเข้ากระแสเลือดได้ 100% นอกจากนั้นยังพบว่าเชื้อที่ใส่เข้าไปในจมูกและปอดลดลงกว่า 10 ล้านเท่า

สำหรับการเก็บรักษาพบว่าวัคซีน “ChulaCov19” สามารถอยู่ในอุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) นานถึง 3 เดือน และเก็บในอุณภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) นาน 2 สัปดาห์ ซึ่งถือว่าจัดเก็บรักษาง่ายกว่าวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA ยี่ห้ออื่น

หลังการประกาศขอสมัครอาสามัครทดลองวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับใบสมัครจากคนไทยกว่า 10,000 ราย

ศ.นพ.เกียรติ อธิบายกระบวนการทดสอบวัคซีนเพิ่มเติมว่า หากผ่านการทดสอบระยะแรกปลายเดือน ก.ค. ระยะที่ 2 จะเริ่มดำเนินการทดสอบในอาสาสมัครอีก 150 คนได้ในช่วงเดือน ส.ค.  พร้อมทั้งเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ วัคซ๊นในกระบวนการใกล้เคียงกันจากผลเลือดของประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ไดรับวัคซีนจากเทคโนโลยี mRNA อย่าง ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา

ส่วนการทดสอบในระยะที่ 3 นั้น อาจไม่จำเป็นต้องทดสอบในอาสาสมัคร 20,000 รายในประเทศที่กำลังเกิดการระบาด ตามเกณฑ์ของการทดลองวัคซีนชนิดใหม่ เนื่องจากเมื่อมีวัคซีนอื่นที่ผลิตชนิดเดียวกันแล้ว มีแนวโน้มว่าภายในสิ้นปีนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) หรือสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) จะกำหนดหลักเกณฑ์ได้ว่า “วัคซีนที่มีประสิทธิภาพต้องกระตุ้นภูมิเท่าไหร่” ก็จะช่วยลดขั้นตอนการทดสอบทางคลินิกในระยะที่ 3 ได้

หากได้รับการยกเว้นการทดสอบระยะที่ 3 และผ่านเกณฑ์ที่กำหนด วัคซีน “ChulaCov19” อาจได้รับอนุมัติให้ผลิตเพื่อให้ในคนจำนวนมากได้ประมาณเดือน มี.ค. หรือ เม.ย. 2565

ในล็อตแรกที่ทำการทดสอบนี้ผลิตจากบริษัทในสหรัฐอเมริกา แต่หลังจากนี้จะผลิตในประเทศไทยโดยบริษัท BioNet-Asia ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตแล้ว ซึ่งตั้งเป้าไว้ว่าจะผลิตให้ได้อย่างน้อย 50 ล้านโดสต่อปีหลังผ่านการทดลองและได้รับการอนุมัติ

ท่ามกลางความกังวลเรื่องประสิทธิภาพวัคซีนที่มีในประเทศไทย และทิศทางเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในอนาคต

ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เตรียมความพร้อมพัฒนาทดลองวัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อรองรับเชื้อดื้อยาหรือเชื้อกลายพันธุ์ และจะเร่งทดลองกับสัตว์ควบคู่กันไป และคาดว่าจะทดสอบในอาสาสมัครภายในไตรมาสสี่ของปีนี้

“ความคาดหวังแน่นอนเราก็อยากเห็นว่าถ้าประสบความสำเร็จ คือรู้ขนาดที่เหมาะสม โรงงานไทยผลิตได้จริง ฝีมือดีเท่ากับที่เรานำเข้า ประสิทธิผลประสิทธิภาพได้ เราก็อยากให้วัคซีนนี้สามารถที่จะเป็นที่พึ่งของคนไทยได้ในปีหน้า” ศ.นพ.เกียรติ  กล่าวทิ้งท้าย

 

ที่มา : ข้อมูลโดย: พริสม์ จิตเป็นธม workpointTODAY และ ทีมประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

Related Post

พระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถมาร์เกรเทอ ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก ทรงตอบรับข้อเสนอว่าจ้างของเน็ตฟลิกซ์ ในฐานะนักออกแบบ (ดีไซเนอร์)

ยาดม

ความคืบหน้ากรณีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์คลิปลงในแอปพลิเคชัน TikTok  เรื่อง ประกาศขายยาดม 150 บาท ก่อนที่คลิปนี้จะถูกแชร์อย่างรวดเร็ว

ฟาริพิราเวียร์

นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เตือนประชาชนอย่าซื้อยามารับประทานเองเพราะอาจได้ยาปลอมที่ไม่มีตัวยาสำคัญอยู่เลย