site loader
site loader
13/08/2021 นักวิชาการ แจง แนวคิดหยุดเรียน 1 ปี หากโควิดระบาดรุนแรง

นักวิชาการ แจง แนวคิดหยุดเรียน 1 ปี หากโควิดระบาดรุนแรง

นักวิชาการ แจง แนวคิดหยุดเรียน 1 ปี หากโควิดระบาดรุนแรง

เนื่องจากในช่วงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ปัญหาหลายอย่างยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งประสิทธิภาพการเรียนการสอน ความเครียดของเด็ก ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสื่อการเรียนการสอน การเข้าถึงอินเตอร์เน็ต รองคณบดีคณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวี ว่าหรือทางออกที่ดีที่สุดของการศึกษาไทยในยุคโควิดจะต้องหยุดเรียนสัก 1 ปี

โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ช่วงอนุบาลถึงประถมศึกษาที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ขณะที่ครูผู้สอนต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องทำแบบประเมินต่างๆ ซึ่งหากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข ควรทบทวนหาวิธีที่เหมาะสม ซึ่งแนวคิดหยุดเรียน 1 ปี เป็นเพียงหนึ่งในแนวทาง ที่เผื่อไว้ในกรณีที่เกิดการระบาดรุนแรงจริงๆ เพราะแนวคิดนี้เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากแก้ปัญหาต้นเหตุเรื่องการเร่งจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุม 85 % ของประชากรทั้งหมดโดยเร็ว และการระบาดไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ ไม่มีความจำเป็นต้องหยุดเรียน แต่การปรับรูปแบบการเรียนการสอน ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเด็ก

ขณะที่ในสื่อออนไลน์ มีการถกเถียงประเด็นนี้ในหลายแง่มุม ทั้งเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ดี คงเป็นหน้าที่ในการแก้โจทย์ปัญหานี้ต่อไปของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องพิจารณาในการปรับปรุงระบบและการทำงานต่อไป

Related Post

นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า จะเสนอให้ ศบค.เห็นชอบจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือให้ตรงกับความต้องการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมอังกฤษ แกรนท์ แชปส์ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า จะถอดชื่อ 47 ประเทศออกจากบัญชีรายชื่อประเทศอันตราย

เฟซบุ๊กเพจ Dynamic School Thailand ได้ออกมาเปิดเผยเอกสารขอลาออกของคุณครูสาวท่านหนึ่ง ที่ระบุเหตุผลของการลาออกไว้อย่างตรงไปตรงมา

11/08/2021 ชาวจีน 25 ล้านคน  ร่วมลงชื่อจี้ WHO สอบแล็บสหรัฐฯ อาจเป็นต้นตอ Covid-19

ชาวจีน 25 ล้านคน ร่วมลงชื่อจี้ WHO สอบแล็บสหรัฐฯ อาจเป็นต้นตอ Covid-19

ชาวจีน 25 ล้านคน  ร่วมลงชื่อจี้ WHO สอบแล็บสหรัฐฯ อาจเป็นต้นตอ Covid-19

โกลบอลไทมส์ สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลปักกิ่ง รายงานอ้างว่า ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตชาวจีนจำนวน 25 ล้านรวมลงชื่อผ่านแคมเปญรณรงค์ทางออนไลน์ เรียกร้องให้อนามัยโลก (WHO) เปิดการสอบสวนห้องแล็บในสถานีวิจัยโรคติดเชื้อของกองทัพสหรัฐฯ ที่ฐานทัพ Fort Detrick เพื่อค้นหาต้นต่อของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เหมือนดังเช่นที่อนามัยโลกเคยเข้ามาสอบสวนสถาบันวิจัยไวรัสวิทยาในอู่ฮั่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

คำร้องของชาวเน็ตจีนยังระบุอีกว่า  Biolab ของ Fort Detrick เป็นสถานที่จัดเก็บเชื้อไวรัสอันตรายไว้หลายชนิดซึ่งสื่อจีนอ้างว่ามีบันทึกการรั่วไหลเมื่อปี 2019 ก่อนเกิดเหตุการณ์ระบาดใหญ่

สำหรับเว็บไซต์ที่ชาวจีนลงชื่อยื่นคำร้องนั้น เป็นไมโครเว็บที่โกลบอลไทมส์สร้างขึ้นสำหรับการรณรงค์แคมเปญนี้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่เปิดเว็บไซต์ดังกล่าวมีชาวจีนร่วมลงชื่อไม่น้อยกว่า 5 แสนรายชื่อในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง จากนั้นเพิ่มเป็น 1 ล้านรายชื่อ ใน 48 ชั่วโมง โดยสื่อจีนยังอ้างด้วยว่า เพียงไม่นานหลังเปิดเว็บรณรงค์ ได้ถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนักจาก IP Address ที่อยู่ในสหรัฐฯ หลายแห่ง

ทั้งนี้ สื่อของรัฐบาลจีนยังได้อ้างว่า ทราบจากแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า วอชิงตันมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเปิดดำเนินการสอบสวนต้นต่อของโควิดในจีนอีกครั้ง แม้ว่าเชื่อว่าจะไม่พบหลักฐานสาระสำคัญก็ตาม และหากการสอบสวนที่นำโดยสหรัฐฯ จบลงโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น สหรัฐฯยังคงสามารถประกาศได้ว่า “ความล้มเหลวในการค้นหาว่าไวรัสมาจากไหนนั้นเกิดจากการที่จีนปฏิเสธการเข้าถึงข้อมูลและให้ความร่วมมือสอบสวนอย่างเปิดเผย” ดังนั้นจีนจึงต้องรับผิดชอบใน “ความทุกข์ของโลก” ยิ่งจีนต่อต้านมากเท่าไร สหรัฐฯก็ยิ่งมีเหตุผลมากขึ้นที่จะต้องรวมตัวกับชาติพันธมิตรเพื่อกดดันจีนให้มากยิ่งขึ้น

Related Post

โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ทางองค์การฯ มีแผนเปลี่ยนชื่อโรคฝีดาษลิงไปใช้ชื่ออื่น เนื่องจากชื่อเดิมไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของ WHO

หมอบุญ

(ก.ล.ต.) แจ้งให้ นายบุญ วนาสิน ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการ เซ็นสัญญากับกระทรวงกลาโหมเพื่อนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์

รัฐบาลเวียดนาม

รัฐบาลจะจัดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มแรกในช่วง 8-12 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในขณะนี้เวียดนามได้ฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 4 ล้านโดส

11/08/2021 สื่อชาวญี่ปุ่น เผยแพร่ข่าว “หนูแดง” เจ้ารถไฟฟ้าสายสีแดง ของประเทศไทย ชาวญี่ปุ่นต่างแห่คอมเมนต์น่ารักเพียบๆ

สื่อชาวญี่ปุ่น เผยแพร่ข่าว “หนูแดง” เจ้ารถไฟฟ้าสายสีแดง ของประเทศไทย ชาวญี่ปุ่นต่างแห่คอมเมนต์น่ารักเพียบๆ

สื่อชาวญี่ปุ่น เผยแพร่ข่าว “หนูแดง” เจ้ารถไฟฟ้าสายสีแดง ของประเทศไทย ชาวญี่ปุ่นต่างแห่คอมเมนต์น่ารักเพียบๆ

หลังจากเริ่มเปิดการทดลองเรียบร้อยแล้วสำหรับ การวิ่ง “รถไฟฟ้าสายสีแดง” ของประเทศไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเปิดทดลองเดินรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน (Soft Opening) โดยระบุว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมทุกด้าน เพื่อเปิดให้ประชาชนเริ่มเข้าทดลองใช้บริการรถไฟสายสีแดงแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่  2 ส.ค. ที่ผ่านมา  ซึ่งแน่นอนว่า นวัตกรรมของรถไฟฟ้าสายสีแดง ในครั้งนี้ เป็นนวัตกรรมจาก บริษัท Hitachi สื่อญี่ปุ่นจึงขอทำข่าวเกี่ยวกับรถไฟฟ้าของไทยสายสีแดงด้วย ซึ่งเพจ ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น เห็นข่าวนี้ จึงนำมาเขียนคอนเทนท์สรุปคอมเมนต์น่ารักๆ ไว้เพียบเลย โดยแต่ละคอนเมนต์น่ารักในสไตล์ชาวญี่ปุ่นจริงๆ บางก็บอกว่า อย่าทำให้คนไทยเสียใจนะ จงดูแลรักษามันดีๆ, ผมอยากไปนั่ง หากได้ไปเมืองไทย , ถ้าคุณขึ้นรถไฟในประเทศที่ร้อน ต้องมีเครื่องดื่มเย็นๆ จะสดชื่น , ภูมิใจๆ , ทำไมรถไฟต่างประเทศมีเสากลางด้วย? , ประเทศไทยกำลังจะดูทันสมัยแล้ว , หรือจะหวานจับใจอย่าง ญี่ปุ่น-ไทย เราคือเพื่อนกัน !! เอาละ ใครที่อยู่ใกล้ๆ ก็ลองไปทดลองใช้ได้ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงทดลองวิ่งเปิดให้ขึ้นฟรีก่อนที่จะเก็บค่าโดยสารในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้นะครับ

ขอขอบคุณ เนื้อหาบางส่วนจากเพจ ครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น ด้วยนะครับ

Related Post
ยาดม

ความคืบหน้ากรณีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์คลิปลงในแอปพลิเคชัน TikTok  เรื่อง ประกาศขายยาดม 150 บาท ก่อนที่คลิปนี้จะถูกแชร์อย่างรวดเร็ว

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังแก๊งหลอกลวงกู้เงินออนไลน์ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

กทม.เปิดให้ "ผู้ป่วยติดเตียง-ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเปราะบาง" ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิดที่บ้าน

11/08/2021 นักออกแบบอุตสาหกรรมเกาหลีสุดเจ๋ง! ผลิต ‘ดวงตาที่ 3’ อุปกรณ์ช่วงเลี่ยงอุบัติเหตุ สำหรับคนติดมือถือ

นักออกแบบอุตสาหกรรมเกาหลีสุดเจ๋ง! ผลิต ‘ดวงตาที่ 3’ อุปกรณ์ช่วงเลี่ยงอุบัติเหตุ สำหรับคนติดมือถือ

นักออกแบบอุตสาหกรรมเกาหลีสุดเจ๋ง! ผลิต ‘ดวงตาที่ 3’ อุปกรณ์ช่วงเลี่ยงอุบัติเหตุ สำหรับคนติดมือ

ไหน? ใครติดมือถือยกมือขึ้น!!! เชื่อว่าไม่มีใครไม่ยก แต่สำหรับคนที่ติดโทรศัพท์มือถือแบบงอมแงม ตองระวังให้ดี เพราะ ถ้าเล่นมือถือไปเดินไปบนถนน นี่อันตรายน่ากลัวเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ … หลายคนน่าจะถูกใจ เพราะตอนนี้ นักออกแบบอุตสาหกรรมเกาหลี ผลิต ‘ดวงตาที่ 3’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ ขณะเล่นมือถือได้แล้ว

ซึ่งผู้ที่คิดค้นอุปกรณ์สุดเจ๋งนี้คือ …แปง มินวุก นักออกแบบอุตสาหกรรม ชาวเกาหลีใต้ วัย 28 ปี เขาตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ว่า โฟโน เซเปี้ยนส์ หรือ ดวงตาที่ 3 อุปกรณ์นี้จะมีเซนเซอร์ตรวจจับและเตือนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือพวกซอมบี้สมาร์ทโฟนทั้งหลาย ก่อนจะเดินชนสิ่งของที่ขวางอยู่ข้างหน้า ได้ภายในระยะ 1 ถึง 2 เมตร โดยจะส่งเสียงเตือนอันตรายที่อยู่เบื้องหน้าได้ในขณะที่มัวแต่ก้มดูมือถือ

ผู้คนตามท้องถนนที่เห็นการทดสอบนี้ต่างบอกว่า แม้ดวงตาที่สาม จะดูแปลกประหลาดเพราะต้องเอาดวงตามาแปะตรงหน้าผาก แต่ถ้าช่วยลดอุบัติเหตุให้กับเด็ก ๆ ที่ติดมือถือได้ อุปกรณ์นี้ก็พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง คาดว่าดีไซน์ในอนาคตน่าจะสวยงามและ ดูมินิมอลขึ้นกว่านี้แน่ๆ รอลุ้นเลย

Related Post
CABB TAXI

ล่าสุดมีทางเลือกใหม่ให้ได้ลองใช้กันอีกแล้วกับรถแท็กซี่สาธารณะแบบครบวงจร “แค็บบ์” (CABB) แท็กซี่วีไอพีสไตล์ลอนดอน

ปัญหา SMS ก่อกวนไม่คืบหน้าหลังสั่งบล็อก SMS แล้วถึง 30 วัน ยังมีผู้ร้องเรียนเฉลี่ยวันละ 100 ราย Read more

Covid19

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความว่า คนไทยผวาตรวจเจอติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย 36 ราย